ไทยผนึกญี่ปุ่นฟื้นวิกฤติโควิด ถกผ่อนคลายเดินทาง 2 ประเทศ
วานนี้ (2 พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย โดยเป็นการเดินทางมาเยือนไทยของ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในรอบ 9 ปี
จากนั้นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และหารือข้อราชการแบบเต็มคณะที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศ เป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลง (MOU) 3 ฉบับ ได้แก่
1.หนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น
2.ความตกลงว่าด้วยการมอบยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศระหว่างรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
3.หนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความช่วยเหลือแบบให้เปล่าของรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้โครงการสนับสนุนเร่งด่วนสำหรับการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้หารือใน 6 ประเด็น
1.การยกระดับการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เพื่อให้เป็นยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน รวมทั้งจะประกาศยุทธศาสตร์ร่วมกันทุกด้านกรอบเวลา 5 ปี ซึ่งจะประกาศภายหลังการประชุมระดับสูงในครึ่งปีหลัง 2565 ที่ญี่ปุ่น
2.การหารือเชื่อมโยงซัพพลายเชนระหว่างไทยและญี่ปุ่น การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญ เช่น เกษตรอัจฉริยะ เทคโนโลยี 5จี ยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งหารือการเพิ่มทักษะแรงงานไทย
3.การหารือความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการรับมือโควิด-19 การผ่อนคลายมาตรการให้ประชาชนเดินทางไปมาเพื่อการท่องเที่ยวและการทำธุรกิจได้มากขึ้น
4.การหารือความมั่นคงทางการทหาร ความมั่นคง รวมถึงความยุติธรรมในภูมิภาคและอนุภูมิภาค ซึ่งกระทรวงกลาโหม 2 ประเทศ หารือถ่ายโอนเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ที่ไม่ใช่อาวุธ ซึ่งจะสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย
5.หารือความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขงที่ญี่ปุ่นริเริ่มหลายเรื่อง เช่น ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ระหว่างกัมพูชา ไทย เมียนมาลาวและเวียดนาม (ACMECS) ที่รัฐบาลญี่ปุ่นใส่เงินเข้ามาในกองทุน 1.38 ล้านดอลลาร์
6.ได้หารือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง ยูเครนและรัสเซีย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศเห็นตรงกันในการเคารพอธิปไตยและดินแดน และการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมจากสงครามที่เกิดขึ้น
อ่านรายละเอียด เพิ่มเติม >>> https://bit.ly/38Mav71
Photo Credit by : Bangkokbiznews
Article Credit by : Bangkokbiznews