เว้ (Hue) เสน่ห์..แม่น้ำหอม เว้เป็นเมืองประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 4,000 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 2536 ในอดีต เว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่า สมัยราชวงศ์เหงียน ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเวียดนาม ซึ่งเมื่อมาถึงเว้ จุดแรกที่ต้องไปชมก็คือ พระราชวังเว้ พระราชวังเก่าของจักรพรรดิในราชวงศ์เหงียน ซึ่งครองอำนาจนาน 146 ปี พระราชวังเว้ เป็นพระราชวังที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังต้องห้ามของจีน ในยุคที่ฝรั่งเศสยึดครองเวียดนาม พระราชวังแห่งนี้ถูกเผาได้รับความเสียหายอย่างมาก จนกลายเป็นพระราชวังร้าง ตั้งแต่ช่วงสงครามสิ้นสุดที่ฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากเวียดนาม และสิ้นสุดการยึดครองของญี่ปุ่นในมหาสงครามเอเชียบูรพาเมื่อปี พ.ศ.2488 กระทั่งกษัตริย์บ่าวด๋าย สละราชสมบัติในปี พ.ศ.2491 พระราชวังแห่งนี้จึงได้รับการบูรณะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในเวลาต่อมา ห่างจากพระราชวัง เว้ไม่ไกลนัก เป็นที่ตั้งของ สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh) จักรพรรดิองค์ที่ 12 ของราชวงศ์เหงียน ตั้งอยู่บนเนินเขาสร้างด้วยคอนกรีตสีดำเข้ม ทางเดินขึ้นสุสานตกแต่งเป็นบันไดมังกร ที่จะพาขึ้นไปยังสุสานชั้นที่หนึ่ง จากนั้นมีบันไดต่อไปยังลานชั้นสองที่เรียงรายด้วยรูปปั้นหิน ช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือนเรียงรายอยู่ ส่วนด้านบนสุดเป็นพระราชวังเทียนดิงห์ ที่ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วย ทั้งรูปหล่อทองขนาดเท่าองค์จริงขององค์จักรพรรดิ ซึ่งหล่อในฝรั่งเศส รวมถึงภาพวาดมังกรในม่านเมฆ ซึ่งเป็นภาพวาดมังกรขนาดใหญ่บริเวณโถงหน้า ความไม่ธรรมดาของภาพวาดนี้ก็คือ จิตรกรผู้วาดภาพใช้เท้าในการวาด เหตุเพราะองค์จักรพรรดิทรงเป็นที่เกลียดชังของคนเวียดนามในเวลานั้น สุสานแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี ตั้งแต่ปี 1920-1931 ในรัชสมัยของจักรพรรดิ์บ่าวด๋าย กษัตริย์องค์ที่ 13 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์เหงียน จากสุสานจักรพรรดิไคดิงห์ เราไปต่อกันที่ เจดีย์เทียนมู่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเว้ จริงๆแล้ว เว้ หรือ ชื่อเต็มๆว่า ถัวเทียนเว้ เป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก สามารถเดินทางเข้าทางจังหวัดมุกดาหาร ผ่านเมืองสะหวันนะเขตของลาว ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวไทย-ลาว-เวียดนาม ที่น่าสนใจ การเดินทางไปท่องเที่ยวในเมืองเว้ ต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมให้ดี เพราะพื้นที่ตอนกลางของเวียดนามนั้น บอกเลยว่าร้อนตลอดทั้งปี โดยรวมมีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน ช่วงปลายเดือนตุลาคม-เมษายน ส่วนฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม อุณหภูมิสูงสุดวัดในหน้าร้อนเคยสูงถึงเกือบ 40 องศาเซลเซียส และต่ำสุด 20 องศาเซลเซียส ถ้าจะให้ดีแนะนำให้มาในช่วงต้นฤดูฝน อากาศค่อนข้างกำลังดี สามารถล่องเรือในแม่น้ำหอม เพื่อชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำที่สวยงาม ร่มรื่น อ่านรายละเอียด เพิ่มเติม >>> https://bit.ly/3WwzwHM Photo Credit by : thairath Article Credit by : thairath

เว้ (Hue) เสน่ห์..แม่น้ำหอม เว้เป็นเมืองประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 4,000 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 2536 ในอดีต เว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่า สมัยราชวงศ์เหงียน ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเวียดนาม ซึ่งเมื่อมาถึงเว้ จุดแรกที่ต้องไปชมก็คือ พระราชวังเว้ พระราชวังเก่าของจักรพรรดิในราชวงศ์เหงียน ซึ่งครองอำนาจนาน 146 ปี พระราชวังเว้ เป็นพระราชวังที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังต้องห้ามของจีน ในยุคที่ฝรั่งเศสยึดครองเวียดนาม พระราชวังแห่งนี้ถูกเผาได้รับความเสียหายอย่างมาก จนกลายเป็นพระราชวังร้าง ตั้งแต่ช่วงสงครามสิ้นสุดที่ฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากเวียดนาม และสิ้นสุดการยึดครองของญี่ปุ่นในมหาสงครามเอเชียบูรพาเมื่อปี พ.ศ.2488 กระทั่งกษัตริย์บ่าวด๋าย สละราชสมบัติในปี พ.ศ.2491 พระราชวังแห่งนี้จึงได้รับการบูรณะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในเวลาต่อมา ห่างจากพระราชวัง เว้ไม่ไกลนัก เป็นที่ตั้งของ สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh) จักรพรรดิองค์ที่ 12 ของราชวงศ์เหงียน ตั้งอยู่บนเนินเขาสร้างด้วยคอนกรีตสีดำเข้ม ทางเดินขึ้นสุสานตกแต่งเป็นบันไดมังกร ที่จะพาขึ้นไปยังสุสานชั้นที่หนึ่ง จากนั้นมีบันไดต่อไปยังลานชั้นสองที่เรียงรายด้วยรูปปั้นหิน ช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือนเรียงรายอยู่ ส่วนด้านบนสุดเป็นพระราชวังเทียนดิงห์ ที่ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วย ทั้งรูปหล่อทองขนาดเท่าองค์จริงขององค์จักรพรรดิ ซึ่งหล่อในฝรั่งเศส รวมถึงภาพวาดมังกรในม่านเมฆ ซึ่งเป็นภาพวาดมังกรขนาดใหญ่บริเวณโถงหน้า ความไม่ธรรมดาของภาพวาดนี้ก็คือ จิตรกรผู้วาดภาพใช้เท้าในการวาด เหตุเพราะองค์จักรพรรดิทรงเป็นที่เกลียดชังของคนเวียดนามในเวลานั้น สุสานแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี ตั้งแต่ปี 1920-1931 ในรัชสมัยของจักรพรรดิ์บ่าวด๋าย กษัตริย์องค์ที่ 13 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์เหงียน จากสุสานจักรพรรดิไคดิงห์ เราไปต่อกันที่ เจดีย์เทียนมู่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเว้ จริงๆแล้ว เว้ หรือ ชื่อเต็มๆว่า ถัวเทียนเว้ เป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก สามารถเดินทางเข้าทางจังหวัดมุกดาหาร ผ่านเมืองสะหวันนะเขตของลาว ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวไทย-ลาว-เวียดนาม ที่น่าสนใจ การเดินทางไปท่องเที่ยวในเมืองเว้ ต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมให้ดี เพราะพื้นที่ตอนกลางของเวียดนามนั้น บอกเลยว่าร้อนตลอดทั้งปี โดยรวมมีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน ช่วงปลายเดือนตุลาคม-เมษายน ส่วนฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม อุณหภูมิสูงสุดวัดในหน้าร้อนเคยสูงถึงเกือบ 40 องศาเซลเซียส และต่ำสุด 20 องศาเซลเซียส ถ้าจะให้ดีแนะนำให้มาในช่วงต้นฤดูฝน อากาศค่อนข้างกำลังดี สามารถล่องเรือในแม่น้ำหอม เพื่อชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำที่สวยงาม ร่มรื่น อ่านรายละเอียด เพิ่มเติม >>> https://bit.ly/3WwzwHM Photo Credit by : thairath Article Credit by : thairath

แชร์ให้เพื่อน!

เว้ (Hue) เสน่ห์..แม่น้ำหอม

เว้เป็นเมืองประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 4,000 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 2536 ในอดีต เว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่า สมัยราชวงศ์เหงียน ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเวียดนาม ซึ่งเมื่อมาถึงเว้ จุดแรกที่ต้องไปชมก็คือ พระราชวังเว้ พระราชวังเก่าของจักรพรรดิในราชวงศ์เหงียน ซึ่งครองอำนาจนาน 146 ปี

พระราชวังเว้ เป็นพระราชวังที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระราชวังต้องห้ามของจีน ในยุคที่ฝรั่งเศสยึดครองเวียดนาม พระราชวังแห่งนี้ถูกเผาได้รับความเสียหายอย่างมาก จนกลายเป็นพระราชวังร้าง ตั้งแต่ช่วงสงครามสิ้นสุดที่ฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากเวียดนาม และสิ้นสุดการยึดครองของญี่ปุ่นในมหาสงครามเอเชียบูรพาเมื่อปี พ.ศ.2488 กระทั่งกษัตริย์บ่าวด๋าย สละราชสมบัติในปี พ.ศ.2491 พระราชวังแห่งนี้จึงได้รับการบูรณะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในเวลาต่อมา

ห่างจากพระราชวัง เว้ไม่ไกลนัก เป็นที่ตั้งของ สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh) จักรพรรดิองค์ที่ 12 ของราชวงศ์เหงียน ตั้งอยู่บนเนินเขาสร้างด้วยคอนกรีตสีดำเข้ม ทางเดินขึ้นสุสานตกแต่งเป็นบันไดมังกร ที่จะพาขึ้นไปยังสุสานชั้นที่หนึ่ง จากนั้นมีบันไดต่อไปยังลานชั้นสองที่เรียงรายด้วยรูปปั้นหิน ช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือนเรียงรายอยู่ ส่วนด้านบนสุดเป็นพระราชวังเทียนดิงห์ ที่ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วย ทั้งรูปหล่อทองขนาดเท่าองค์จริงขององค์จักรพรรดิ ซึ่งหล่อในฝรั่งเศส รวมถึงภาพวาดมังกรในม่านเมฆ ซึ่งเป็นภาพวาดมังกรขนาดใหญ่บริเวณโถงหน้า

ความไม่ธรรมดาของภาพวาดนี้ก็คือ จิตรกรผู้วาดภาพใช้เท้าในการวาด เหตุเพราะองค์จักรพรรดิทรงเป็นที่เกลียดชังของคนเวียดนามในเวลานั้น สุสานแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี ตั้งแต่ปี 1920-1931 ในรัชสมัยของจักรพรรดิ์บ่าวด๋าย กษัตริย์องค์ที่ 13 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์เหงียน

จากสุสานจักรพรรดิไคดิงห์ เราไปต่อกันที่ เจดีย์เทียนมู่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเว้

จริงๆแล้ว เว้ หรือ ชื่อเต็มๆว่า ถัวเทียนเว้ เป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก สามารถเดินทางเข้าทางจังหวัดมุกดาหาร ผ่านเมืองสะหวันนะเขตของลาว ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวไทย-ลาว-เวียดนาม ที่น่าสนใจ

การเดินทางไปท่องเที่ยวในเมืองเว้ ต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมให้ดี เพราะพื้นที่ตอนกลางของเวียดนามนั้น บอกเลยว่าร้อนตลอดทั้งปี โดยรวมมีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน ช่วงปลายเดือนตุลาคม-เมษายน ส่วนฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม อุณหภูมิสูงสุดวัดในหน้าร้อนเคยสูงถึงเกือบ 40 องศาเซลเซียส และต่ำสุด 20 องศาเซลเซียส ถ้าจะให้ดีแนะนำให้มาในช่วงต้นฤดูฝน อากาศค่อนข้างกำลังดี สามารถล่องเรือในแม่น้ำหอม เพื่อชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำที่สวยงาม ร่มรื่น

อ่านรายละเอียด เพิ่มเติม >>> https://bit.ly/3WwzwHM
Photo Credit by : thairath
Article Credit by : thairath

314604662_5308273582610342_3566242936107

อ่านต่อบน Facebook

Tourmatoes มะเขือเทศทัวร์