Starbucks Thailand แอดมินจัดกิจกรรมแจกบัตรสตาร์บัคส์อยู่นี่นะ เลยขอเล่าถึงประวัติศาสตร์ของร้านและจะตบท้ายด้วยวิธีการสั่งเครื่องดื่มให้ฟังด้วยครับ^^…

แชร์ให้เพื่อน!

Starbucks Thailand

แอดมินจัดกิจกรรมแจกบัตรสตาร์บัคส์อยู่นี่นะ เลยขอเล่าถึงประวัติศาสตร์ของร้านและจะตบท้ายด้วยวิธีการสั่งเครื่องดื่มให้ฟังด้วยครับ^^

จุดเริ่มต้นเกิดจากสหาย 3 คนประกอบด้วย Jerry Baldwin อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ, Zev Siegel อาจารย์สอนประวัติศาสตร์และ Gordon Bowker นักเขียน หลงใหลในกาแฟมากจนร่วมกันก่อตั้งบริษัทจำหน่ายเมล็ดกาแฟและชา ขึ้นที่เมือง Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปีค.ศ. 1971 ทั้งสามยังชื่นชอบนิยาย “Moby-Dick” ของ Herman Melville เหมือนกันด้วย ในเรื่องนั้นเรือพีควอด(Pequod) มีต้นหนชื่อว่า Starbuck พวกเขาจึงนำมาตั้งเป็นชื่อบริษัทว่า “Starbucks Coffee, Tea & Spice” ส่วนโลโก้บริษัทเป็นนางพราย Siren ในเทพปกรณัมกรีกทีมีส่วนผสมของ นางเงือก ปลาและนก ส่งเสียงไพเราะล่อลวงนักเดินเรือคงหวังเพื่อส่งเสียงเรียกลูกค้าเข้าร้านกระมัง ทางร้านเน้นจำหน่ายเมล็ดกาแฟเป็นหลักจะมีชงให้ลูกค้าชิมบ้างเท่านั้นเอง

ค.ศ. 1982 Howard Schultz ผู้บริหารของบริษัทสัญชาติสวีเดนซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรวมไปถึงเครื่องบดกาแฟที่ส่งให้กับร้านอย่าง Starbucks แปลกใจมากที่บริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้สั่งเครื่องชงกาแฟจากบริษัทของเขามากกว่าร้านอื่น ๆ จึงเดินทางไปที่ร้าน หลังจากชิมกาแฟ Sumatra เขาตกหลุมรักขี้นมาทันทีและเห็นว่ามีศักยภาพที่ขยายธุรกิจนี้ เมื่อได้พูดคุยกับเจ้าของร้านและถูกชวนให้ไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดก็ตอบรับคำเชิญโดยไม่ลังเล(แม้ว่าเงินเดือนจะน้อยกว่าที่ได้ตอนนั้นกว่าครึ่งก็ตาม)

ค.ศ. 1983 ขณะที่ Schultz เดินทางไปจัดซื้อสินค้าที่ประเทศอิตาลี เขาได้เข้าร้านกาแฟแห่งหนึ่งในมิลานและพบว่าร้านไม่เพียงจำหน่ายกาแฟแต่ยังเป็นที่พบปะของผู้คนอีกด้วย เมื่อกลับมา Seattle จึงเสนอไอเดียทำร้านเป็น “บาร์กาแฟ(espresso bar)” ขายกาแฟชงเป็นแก้วควบคู่ไปด้วย ตอนแรก Baldwin ไม่ยอมรับแนวคิดนี้แต่โดนตื๊อจนยอมให้ทำในปีค.ศ. 1984 ซึ่งประสบความสำเร็จมาก Schultz ต้องการขยายสาขาเพิ่มแต่ Baldwin ไม่เห็นด้วย เขาจึงลาออกจาก Starbucks ในปีค.ศ. 1985 ไปตั้งร้านกาแฟของตัวเองในชื่อ “il Giornale” โดยใช้เมล็ดกาแฟจาก Starbucks นั่นแหละ

ค.ศ. 1987 ผู้ก่อตั้ง Starbucks ประกาศขายกิจการ Schultz จึงคว้าโอกาสทองนี้ไว้โดยเข้าซื้อกิจการและเปลี่ยนชื่อร้านจาก “il Giornale” เป็น “Starbucks Coffee” พร้อมกับขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

26 มิถุนายน ค.ศ. 1992 Schultz ตัดสินใจนำ Starbucks เข้าในตลาดหุ้น Nasdaq

ค.ศ. 1994 พนักงานสาขาแคลิฟอร์เนียสังเกตว่าช่วงฤดูร้อนขายกาแฟได้น้อยเพราะร้านไม่มีเครื่องดื่มเย็น Starbucks จึงซื้อกิจการร้านกาแฟในบอสตัน Coffee Connection และเริ่มจำหน่ายเครื่องดื่ม Frappucino ในปีค.ศ. 1995

ค.ศ. 1996 Starbucks เริ่มเปิดสาขานอกอเมริกาเป็นสาขาแรกที่ประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์

ค.ศ. 1997 เปิดสาขาที่ประเทศฟิลิปปินส์

ค.ศ. 1998 เปิดสาขาที่ประเทศอังกฤษ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน และที่สำคัญคือประเทศไทยที่รักยิ่งของพวกเรานั่นเองงง

ผบ.ทบ.เป็นคนพาแอดมินเข้าร้าน Starbucks ครั้งแรก เห็นคิวข้างหน้าสั่งเครื่องดื่มชื่อภาษาอังกฤษยาวเป็นหางว่าว ยอมรับเลยครับว่าตกใจมาก เฮ้ย! ต้องสั่งขนาดนั้นเลยเหรอ(วะ) ถึงจะได้กินกาแฟ? พอถึงคิวเรา

แอดมิน: คาปูชิโน่เย็นครับ
พนักงาน: เอาไซส์อะไรคะ?
แอดมิน: (มีกี่ไซส์ก็ไม่รู้เลยตอบไปเซฟๆ ว่า) เอาแก้วเล็กแล้วกัน (พร้อมกับทำหน้านิ่งๆ เนียนๆ ไป555)

หลังจากวันนั้นก็ต้องมาศึกษาพบว่าจุดเด่นของร้านนี้คือร้านกาแฟตามสั่งนั่นเอง ลูกค้าอยากกินอะไรแบบไหนสั่งมาได้เลยบาริสต้าพร้อมจะจัดให้ ดังนั้นมันจึงมี step ในการสั่งเครื่องดื่ม Starbucks ตามนี้ครับ^^

Step1: เลือกชนิด
เครื่องดื่มมี 3 ชนิดคือ
– กาแฟร้อน(hot)
– กาแฟเย็น(iced) และ
– กาแฟปั่น(frappucino)

Step2: เลือกขนาด
เครื่องดื่มร้อนมี 4 ขนาดคือ
– short(ชอร์ต 8 ออนซ์)
– tall(ทอล 12 ออนซ์)
– grande(แกรนเด 16 ออนซ์) และ
– venti(เวนติ 20 ออนซ์)
สำหรับเครื่องดื่มเย็นจะไม่มีขนาด short นะจ๊ะ

Step3: เลือกเครื่องดื่ม
เครื่องดื่ม Starbucks มีหลายอย่างเช่น espresso, americano, latte, cappucino, mocha, caramel macchiato เป็นต้น ชอบแบบไหนก็จัดไป

Step4: เลือกปริมาณคาเฟอีน
มีให้เลือก 3 แบบคือ
– คาเฟอีนปกติ(regular)
– คาเฟอีนครึ่งหนึ่ง(half-caf) และ
– มีคาเฟอีนน้อยมาก(decaf)
ถ้าอยากได้เข้มๆ ก็สั่ง extra shot เพิ่มได้จะเอากี่ shot ก็จัดไป shot ละ 15 บาทนะ

Step5: เลือกประเภทนม
มีให้เลือก 3 แบบคือ
– นมสด(Whole)
– นมขาดมันเนย(Non-Fat) และ
– นมถั่วเหลือง(Soy) เฉพาะนมถั่วเหลืองที่เพิ่มเงิน 15 บาทนะ

Step6: เลือก syrup
สั่ง syrup ได้ด้วยนะมี 5 แบบคือ
– วานิลลา(Vanilla)
– วานิลลาแบบไร้น้ำตาล(Sugar-free Vanilla)
– คาราเมล(Caramel)
– เฮเซลนัท(Hazelnut) และ
– ราสป์เบอร์รี (Raspberry)
โดยเพิ่ม 15 บาทนะ

Step7: อื่นๆ(other)
นอกจากนี้ยังสามารถใส่อย่างอื่นเพิ่มเติมเข้าไปอีกได้เช่น
– วิปครีม(Whipped Cream) เพิ่ม 15 บาท
– คอฟฟี่เจลลี่(Coffee Jelly) เพิ่ม 25 บาท
– จาวาชิป(Java Chip) เพิ่ม 25 บาท
– ช็อกโกแลตหรือคาราเมลซอส(Chocolate or Caramel Sauce) เพิ่ม 15 บาท

หลักๆ ก็ประมาณนี้แหละครับ อย่างเมนูที่แอดมินชอบสั่งคือ Iced Grande Caramel Macchiato Non-Fat เป็นต้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่หัดเข้า Starbucks นะคร้าบบบ^^

อ้างอิง
1. https://www.starbucks.com/about-us/company-information/starbucks-company-timeline
2. https://astrumpeople.com/howard-schultz-biography-success-story-of-starbucks-ceo/

#Starbucks

#ร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆที่TCS
#สังคมไทยไร้เงินสด
————————————–
โพสต์สำคัญของเพจรวบรวมไว้ที่ bit.ly/2TiKPly
————————————–

อ่านต่อบน Facebook

Tourmatoes มะเขือเทศทัวร์